วิธีเล่นเน็ตในจีน 2018

หลังจากทำรีวิวไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว (อ่านได้ที่นี่) ค่าย DTAC ก็ออกซิม Go! อินเตอร์ มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่จะเดินทางในจีน โดยอิงสัญญาณของค่ายใหญ่ที่มีสัญญาณทั่วประเทศอย่าง China Mobile (移动 | อี๋ต้ง) เหมือนกับ Travel Sim Asia ของค่าย TRUE เนื่องจากเราเพิ่งจะได้ลองใช้ซิมของ DTAC จึงขอเอามารีวิวจ้ะ

ที่มา: https://www.dtac.co.th/gointer/

ข้อมูลทริป:
- เราเดินทางไปแถบเจียงซีทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน โดยไปลงที่เมืองเอกของภูมิภาคอย่างหนานชาง ซึ่งแม้จะไม่ใช่เมือง tier 1 แต่ก็เป็นเมืองใหญ่ที่เจริญพอสมควร
- ทริปกินระยะเวลาทั้งหมด 6 วัน
- ในทริปมีโปรแกรมขึ้นเขาหลูซาน ไปนอนบนภูเขามาด้วย แถมช่วงที่เราไปยังฝนตกพรำ ๆ แถมหมอกลงจัด (ซึ่งเป็นไฮไลต์อย่างหนึ่งของการเที่ยวหลูซาน) บางทีหมอกหนาจนมองเห็นแค่ระยะ 3 เมตร
- มือถือที่ใช้คือ SS8 แต่มีแอบสลับซิมไปใส่ให้ iphone 7 บ้าง 

ในอุทยานเขาหลูซาน

รีวิว:
- ตอนใส่ซิมครั้งแรก รอนานมากกก ยืนลุ้นใจหายใจคว่ำ แต่พอได้ SMS แล้วสัญญาณก็พุ่งปรู๊ดปร๊าดเลย
- เวลาอยู่ในตัวเมือง ส่วนใหญ่จะเป็น 4G และค่อนข้างเสถียร
- ตอนขึ้นเขาหลูซาน (ความสูงประมาณ 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) กับนอนในที่พักกลางป่าสนบนภูเขา ส่วนใหญ่สัญญาณก็ยังเป็น 4G อยู่ แต่มีบางจังหวะที่หน่วงบ้าง เข้าใจแหละว่าบางจุดคงเป็นจุดอับสัญญาณ ตรงนั้นก็จะแชร์ hotspot แล้วไม่ลื่นเท่าที่ควร
- ไม่แน่ใจว่าหมอกจะมีส่วนด้วยหรือเปล่า เพราะ 2 วันที่อยู่บนเขาเราเจอหมอกหนาสุด ๆ 
- เนื่องจากไปแค่ 6 วัน และเราไม่ได้ใช้ดาต้าโหดมาก แบบดูซีรีส์ติดต่อกันหรือ facebook live หรือแชร์ hotspot ต่อเนื่องตลอดเวลา เราเลยไม่แน่ใจว่าถ้าไปต่อถึงวันที่ 9-10 เน็ตจะช้าลงหรือเปล่า
- อีกอย่างคือยังไม่ได้เอาไปใช้ในภูมิภาคอื่นเยอะเหมือนของ TRUE เลยยังฟันธงไม่ได้ว่าในพื้นที่ชนบทจะเป็นยังไง แต่คิดว่าถ้าอิงสัญญาณ China Mobile เหมือนกันก็น่าจะไม่ต่างกันมาก
- โดยรวมคือพอใจมากกับ DTAC ถ้าต้องไปทริป 10 วันพอดี หรือต้องเดินทางต่อไปประเทศอื่นที่อยู่ในพื้นที่ให้บริการ จะเลือกใช้ DTAC เพราะไม่ต้องซื้อแพ็คเพิ่มจ้ะ 

ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลต่อการใช้งาน โดยเฉพาะรุ่นมือถือที่เกี่ยวข้องกับการรองรับสัญญาณ อันนี้ก็ต้องไปอ่านเงื่อนไขของแต่ละค่ายให้ดี ว่าซิมรองรับมือถือรุ่นไหนบ้าง

ที่มา: http://truemoveh.truecorp.co.th/international_service/travelling_abroad

ส่วน TRUE ที่เราใช้งานมาอย่างโชกโชน เมืองที่เราค้นพบว่าแอบหนืดกลับเป็นเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเราเจอ Edge บ่อยมากในโซนกลางเมือง โดยเฉพาะช่วงสายถึงบ่าย แถมเพื่อนร่วมทริปอีก 2-3 คนก็ประสบปัญหาเดียวกัน มีคนโทรกลับไปหา call center ที่ไทย ก็ได้รับคำตอบว่าจะรีบแก้ไขและให้รีบูทเครื่องใหม่ ผลคือบางคนก็ใช้ 4G ได้ บางคนก็หนืดเหมือนเดิม

กลายเป็น Edge ตอนกำลังเดินหลงอยู่แถวย่านซินเทียนตี้เลย

แต่ตอนที่ DTAC ยังไม่ออกซิม Go! อินเตอร์ เราก็ใช้ซิมของ TRUE เวลาเดินทางในจีนมาตลอด แถมยังไปตระเวนมาหลายโซนมาก ทั้งทิเบต ผู่ถัวซาน ยูนนาน เจ้อเจียง ไปจนถึงเส้นทางสายไหม ทั้งหมดแทบไม่มีปัญหาเลย จะมีโซนชนบทมาก ๆ ที่กลายเป็น 3G บ้าง Edge บ้าง ซึ่งเราเข้าใจได้ เรียกว่าต่างกรรมต่างวาระสุดฤทธิ์ เพราะถ้าปัญหาเกิดจากสัญญาณ China Mobile จริง ถึงใช้ซิม DTAC ก็อาจจะหนืดไม่ต่างกัน 

ที่นานกิงเป็น 4G ตลอด เปิดกูเกิลแมปดูทางได้สบายใจ

ตารางเปรียบเทียบ

สรุปของสรุปอีกที: 
1. คนที่เน้นเล่นเน็ตเป็นหลัก 
ควรซื้อซิมของค่ายใดค่ายหนึ่งไป เพราะเป็นการเหมาวันและดาต้านั่นเอง ใช้ได้อย่างจุใจไม่ต้องกลัวเน็ตรั่ว แล้วก็ไม่มีค่าใช้จ่ายสูงแบบการเปิดโรมมิ่งด้วย ใครที่ไม่จำเป็นต้องติดต่อธุระด้วยเบอร์โทรศัพท์หรือ SMS วิธีนี้น่าจะคุ้มค่าที่สุด

2. คนที่เน้นเล่นเน็ต แต่ไม่ต้องตลอดเวลา
สามารถเก็บไปเล่นเฉพาะตอนมีสัญญาณ Wi-Fi ฟรี เช่น ในโรงแรมหรือตามร้านอาหาร ก็จะประหยัดได้อีก แต่อย่างที่เราเคยเล่าว่า Wi-Fi ของจีนไม่สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียทั่ว ๆ ไปอย่าง Facebook, Line, Google หรือ IG ได้ ใครที่จะใช้วิธีนี้ต้องเปิด VPN ไปให้พร้อมเลยนะ 

3. คนที่ต้องใช้ทั้งโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา 
ถ้าต้องจัดการธุรกิจหรือการงานต่าง ๆ จากไทย แนะนำให้เปิดโรมมิ่งกับค่ายที่ใช้บริการไปเลย เพื่อให้ใช้งานโทรศัพท์ได้ตามปกติ แม้ราคาจะสูงกว่าทางเลือกอื่น แต่สัญญาณและความเสถียรดีกว่าแน่นอน ไม่ต้องร้อนใจว่าใช้โทรข้ามประเทศแล้วค่าโทรศัพท์จะพุ่งกระฉูดอีกต่อไป

ไปจีนคราวหน้า ลองเลือกดูนะว่าตัวช่วยเรื่องอินเทอร์เน็ตแบบไหนที่จะทำให้เที่ยวได้สนุกยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับการหาวิธีติดต่อสื่อสาร เสิร์ชหาข้อมูล หรืออัพเดทข่าวคราวจากเมืองไทยยังไงล่ะ